การล็อคเป็นกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงประเภทหนึ่งที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมตลาด ความแตกต่างระหว่างการป้องกันความเสี่ยงและการล็อคคือ การป้องกันความเสี่ยงจะใช้งานในตราสารซื้อขายต่างๆส่วนการล็อคใช้งานสำหรับตราสารซื้อขายเพียงชนิดเดียว
การล็อคจะปรับใช้หรือมช้แทนตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนเพื่อจำกัดการขาดทุน กระบวนการกำหนดการล็อคค่อนข้างเรียบง่าย ถ้าการเทรดทำผลกำไรไม่ได้ คุณกำหนดคำสั่งแบบรอดำเนินการในบางตำแหน่งจากราคา กลยุทธ์นี้ช่วยคุณให้หลีกเลี่ยงการขาดทุนและปิดสัญญาที่ไม่ได้ทำผลกำไรจากส่วนกำไร โดยที่ราคาจะย้อนกลับไปยังระดับสำคัญหรือปริมาณสถานะการทำกำไรทั้งหมดจะมากกว่าการสูญเสีย
มาลองพิจารณากันในกลยุทธ์การล็อคเพื่อทำกำไรที่นิยม วิธีนีมาจากการไล่ตามราคาไป 40-50บิ๊ป ดังนั้นมันสามารถใช้ในการซื้อขายรอบวันได้อย่างสำเร็จ ผู้เขียนได้มองวิธีการนี้ว่าคุณไม่ต้องใช้ตัวบ่งชี้ใดๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณ เพราะมันจำเป็นต้องเรียนรู้กฎพื้นฐานบางข้อของการระงับความเสี่ยง
1.ปริมาณทั้งหมดของสถานะที่เปิดต้องไม่มากกว่า 10% ของเงินฝาก
2.จำนวนสูงสุดของการเปิดสถานะต้องไม่มากกว่า 10 ส่วน
3.จำนวนเงินฝากต้องไม่น้อยเกินกว่า 30ล็อต นั้นคืออัตราส่วนปริมาณตามสัญญาซื้อขายต่อจำนวนเงินฝาก ก็คือถ้าปริมาณซื้อขายคือ 0.1ล็อต เงินฝากต้องอย่างน้อยอยู่ที่ $3,000
การล็อคกำหนดได้อ่างไร:
1.วางคำสั่งการหยุดเพื่อรอดำเนินการในระดับ 30-40บิ๊ปจากราคา
2.เมื่อเปิดสถานะแรกมาแล้ว ให้วางคำสั่งการหยุดอันดับสองในทิศทางเดียวกันที่ระดับ 10-15บิ๊ปให้ห่างจากสัญญาซื้อขายแรกและวางคำสั่งแบบรอดำเนินการอีกหนึ่งส่วนในปริมาณเดิมในทิศทางตรงกันข้ามที่ระดับ 10-20บิ๊ป คุณสามารถเปิดคำสั่งแบบรอดำเนินการที่สองได้ด้วยตัวเองหากราคาย้อนตัว ดังนั้นการกำหนดล็อตที่ช่วยระงับการขาดทุนเป็นจำนวน 10-20บิ๊ปกรณีที่การเข้าไม่ประสบความสำเร็จ
3.ถ้าเปิดคำสั่งแต่ราคาเคลื่อนตัวไปทิศทางตรงกันข้ามและชนเข้ากับคำสั่งแบบรอดำเนินการที่ย้อนตัว คุณก็ควรเลื่อนคำสั่งแบบรอดำเนินการไปยังทิศทางของราคาใหม่ (ที่ตรงกันข้ามกับำแหน่งแรก) ในระดับ 10-15บิ๊ป
4.สถานะการทำกำไรสามารถวางไว้ช่วงระดับคุ้มทุนด้วยการใช้คำสั่ง trailing stop และ reverse stop เลื่อนไป 10 บิ๊ปที่ยังไม่ได้มีการใช้งานจากสถานะการเปิดครั้งถัดไป
5.เมื่อผลรวมกำไรหรือขาดทุนจะติดบวกหรือติดลบพร้อมกับมูลค่าซื้อขายขั้นต่ำ ทุกสถานะอาจปิดตัวลง ด้วยวิธีนี้เองคุณสามารถทำผลกำไรได้มากขึ้น
6.ปริมาณสถานะที่ใช้เปิดทุกครั้งอาจแตกต่างกัน แต่ปริมาณทั้งหมดของสถานะที่ใช้เปิดต้องมากกว่าตำแหน่งที่ราคากำลังเคลื่อนตัวไป
ตัวอย่างของกลยุทธ์ซื้อขายตามที่อธิบาย:
คู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐได้ย้อนกลับจาก 1.2195 และกำลังมุ่งหน้าขึ้น สถานะการซื้อที่เปิดมีปริมารอยู่ที่ 0.3ล็อต คำสั่ง buy stop จะถูกกำหนดไว้ในระดับ 1.2225-30 อีก 0.2ล็อตรวมทั้งคำสั่ง sell stop อีกสองส่วนใน 1.2200 ที่ 0.3ล็อตและ 1.2285 ที่ 0.2 ล็อต
ราคาชนกับคำสั่ง buy stop และมุ่งหน้าไปยังแนวโน้มขาลงแต่หลังจากไปถึง 1.2201 มันเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง ตามเวลา 11: 00-20 GMT หลังจากมุ่งหน้าไปถึงระดับ 1.2234 คู่สกุลเงินเริ่มปรับตัวลงอีกครั้งใน 1.2200 ที่จะมีการเปิดใช้คำสั่ง sell stop จากนั้นมันมุ่งหน้าขึ้นอีกครั้งพอชนกบัระดับ 1.2223 โดยสรุปแล้วปริมาณคำสั่งซื้อคือ 0.5ล็อต ขณะที่ปริมาณคำส่งขายคือ 0.2ล็อต
ในเวลา 14:30 GMT มีการนำเสนอข้อมูลทางสถิติออกมา พวกเราดันเลือกผิด จากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรจนกว่าข้อมูลจะออกมา พวกเรายกเลิกคำสั่ง sell stop pending และรอข่าวออกมา หลังจากนั้นพวกเราเพิ่มสถานะเข้าไปในทิศทางที่ราคาเคลื่อนตัวและไม่ต้องทำอะไรกับสถานะที่ขาดทัน พอข่าวออกมา คู่สกุลเงินจะร่วงลงอย่างรวดเร็ว
มีการใช้คำสั่งดังนี้:
คำสั่งการหยุดอันดับ 1 -1.2200 0.3 ล็อต
คำสั่งการหยุดอันดับ 2-1.2190 0.2 ล็อต
พวกเราเพิ่มคำสั่งแบบรอดำเนินการเข้าไป:
คำสั่ง sell stop อันดับ 3 -1.2180 0.2 ล็อต,
คำสั่ง sell stop อันดับ 4 -1.2170 0.2 ล็อต
คำสั่ง sell stop อันดับ 5 -1.2160 0.2 ล็อต
ราคามุ่งหน้าถึง 1.2170 ไปชนกับคำสั่ง sell stop อันดับ 4 ถึง 0.2ล็อตและเด้งตัวกลับ ตอนนี้มาปิดสถานะต่อ การขาย 1.2200 0,3 ล็อต, การขาย 1.2190 0.2 ล็อต (การปิดโดยประมาณที่ 1.2178-80) ผลกำไรคือ 10บิ๊ปเพื่อ 0.2ล็อตและ 20บิ๊ปสำหรับ 0.2ล็อต
สถานะต่อไปนี้จะถูกเปิดออกมา นั้นคือ0.5ซื้อและ 0.4ขาย (ขายจาก 1.2180 และ 1.2170) คู่สกุลเงินหนุนตัวไปยังระดับ 1.2287 แต่มุ่งหน้าลงอีกครั้ง คำสั่งอันดับ 6 เป็นขาย 0.3 ใน 1.2280-82 (ในระดับปิดของคำสั่งการขายหรือสองสามบิ๊ปที่สูงกว่านั้น)
จากระดับ 1.2179 ราคาร่วงลงอีกครั้ง
พวกเรากำลังรอให้มีการปรับตัวลงต่อไปและเพิ่มสถานะการขายทุกๆ 10-15บิ๊ป
คำสั่ง Sell stop อันดับที่ 7 - 1.2150 0.2 ล็อต
คำสั่ง Sell stop อันดับที่8 - 1.2140 0.2 ล็อต
ในระดับ 1.2134 พวกเรามีสถานะซื้อ 0.5ล็อตและสถานะขายอีก 1.1ล็อต ตอนนี้พวกเราสามารถปิดทุกคำสั่งได้ มันเลยทำให้พวกเราได้ผลกำไรมาทั้งหมด
ความเห็นของเทรดเดอร์ต่อการใช้งานกลยุทธ์การล็อคแตกต่างกันอย่างมาก คนที่สนับสนุนมองว่าวิธีนี้ช่วยให้หลีกเลี่ยงการขาทุน, ยืดหยึ่นและไม่ต้องใช้ตัวบ่งชี้ใดๆหรือทักษะพิเศษใดๆในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยเทคนิค ขณะเดียวกันอีกฝ่ายมองว่ากลยุทธ์นี้ไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไรตามหลักเกณฑ์ข้างต้น เขายังบอกว่าปัจจัยจิตวิทยาและความเสี่ยงของการทำพลาดครั้งใหญ่สามารถทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้อย่างแน่นอน
เทรดเดอร์คนที่ใช้การล็อคเองก็มีความเห็นที่หลากหลายต่อประเด็นนี้ บางคนมองว่ามันเป็นไม้ตายสุดท้ายที่จะช่วยสถานะที่เปิดแล้วดูท่าจะไม่ประสบความสำเร็จ อีกฝ่ายคิดว่าการล็อคเป็นกลยุทธ์ซื้อขายสำคัญ ทั้งสองฝ่ายมักปิดด้วยผลกำไรหรืออย่างน้อยก็มีการขาดทุนที่ลดระดับน้อยลงจากที่เกิดขึ้นมาก
การล็อคมีข้อดีสำคัญอย่างมากเมื่อเทียบกับการหยุดก่อนขาดทุน อย่างแรกหากใช้อย่างมีทักษะการล็อคสามารถทำให้ผลขาดทุนกลายเป็นกำไร อย่างที่สองจากผลของการสรุปในตอนแรกคือไม่จำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ที่ซับซ้อนของตลาด มันค่อนข้างยากที่จะคาดการณ์ถึงพฤติกรรมตลาดแม้ว่าจะเกิดขึ้นในชั่วโมงถัดไป ด้วยการใช้งานการล็อค คุณสามารถเปลี่ยนสถานการณ์เพื่อประโยชน์ตัวคุณเองด้วยการกำหนดคำสั่งแบบรอดำเนินการถัดไปในทิศทางที่ราคาจะเคลื่อนตัวไป เพื่อจัดการกับสถานะติดลบด้วยปริมาณ อย่างที่สามส่วนสำคัญของเทคนิคและวิธีการตามที่อธิบายไว้ค่อนข้างชัดเจนและตรงไปตรงมาดังนั้นมือใหม่สามารถใช้งานได้ อันดับสุดท้ายการใช้งานการล็อคไม่สวนทางกับกฎการบริหารเงินดังนั้นจึงทำให้มันเป็นตัวมาตีตื้นกับตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนพอมาพิจารณากับเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงหลัก
ในทางตรงกันข้ามวิธีซื้อขายนี้จำเป็นต้องมีจำนวนเงินฝากที่ค่อนข้างมากกว่าปริมาณคำสั่งที่อนุญาตให้ใช้งาน ตามที่ระบุไว้จากผู้เขียนถึงวิธีการล็อคว่ามันจำเป็นต้องมีอย่างน้อย 30ล็อตที่จะใช้งานขณะที่อัตราส่วนที่ต้องการคือ 100ล็อตทำการดังนั้นจำนวนการลงทุนที่ค่อนข้างมากจะยังอยู่ในบัญชีนิ่งๆ ข้อเสียอีกอย่างของการล็อคจะเกี่ยวกับเรื่องเงินที่อยู่ในบัญชีซื้อขาย นั้นก็คือการปล่อยล็อคไว้เฉยๆระยะยาวตัวอย่างเช่นเมื่อราคาเข้าสู่ช่องทางแนวแฟลตส่วนตลาดผันผวนแค่เพียง 20-30บิ๊ปทั้งสองทิศทาง มันจะเป็นการยากที่จะกำหนดการล็อคนอกจากนั้นหากไม่มีทักษะที่เหมาะสม คุณอาจสูญเสียทุกอย่างไปรวดเร็ว คนฝ่ายหนึ่งมองว่าการล็อคไส้ในสถานการณ์เดียวกันนั้น หากใช้ตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนและเพิ่มปริมาณการเทรดคุณก็จะได้บิ๊ปมากขึ้น มันจึงกลายเป็นว่าตั้งแต่คำสั่งการย้อนตัวพร้อมกับปริมาณที่เพิ่มขึ้นและการใช้งานคำสั่งการหยุดโดยทั่วไปและไปพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของมัน นอกจากนั้นหลังจากมีการปิดสถานะการหยุดก่อนขาดทุนไปแล้ว มาร์จิ้นบางส่วนจะถูกปล่อยออกมาซึ่งอาจทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้นหลายเท่าจากคำสั่งย้อนตัว อย่างไรก็ตามคำสั่งใหม่ทุกส่วนจำเป็นต้องมีจำนวนทุนใหม่ไปพร้อมกับการล็อค
แม้ว่าจะมีข้อเสียตามนี้ ศูนย์บริการซื้อขายหลายแห่งอนุญาตให้คุณเปิดสถานะในปริมาณเดียวกันแต่ทิศทางต่างกัน ให้ลองพิจารณาถึงมาร์จิ้นของมันสำหรับหนึ่งสัญญา หมายความว่าสถานะที่เปิดมา 2 ส่วน (ซื้อและขาย) ในคู่สกุลเงินหนึ่งในปริมาณที่ 1ล็อค มาร์จิ้นจะเป็น $1,000 พร้อมกับเลฟเวอร์เรจ 1:100 แทนที่จะเป็น $2,000 อย่างไรก็ตามศูนย์บริการซื้อขายต่างประเทศส่วนมากก็ไม่อนุญาตให้ใช้วิธีการนี้ เนื่องด้วยการล็อคจะสูญเสียความสำคัญไปเนื่องจากเงินฝากจะต้องเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเพื่อให้ได้ผลออกมาดี
จากมุมมองทางจิตวิทยาบอกไว้ว่าการใช้การล็อคช่วยให้ความกลัวที่จะขาดทุนน้อยลง เฉกเช่นเดียวกับตำแหน่งหยุดก่อนขาดทุน แต่มันเป็นส่วนที่หลายอย่างอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ หากคุณเปิดคำสั่งมาเป็นจำนวนมาก คุณอาจเกิดความสับสนได้ง่ายและคิดว่าทุกอย่างสามารถแก้ไขได้
ประเด็นหลักที่กูรูด้านการล็อคให้ความสำคัญ:
1.จำนวนคำสั่งที่อนุญาตในการซื้อขายจำกัดอยู่ที่ 10 ส่วน
2.ปริมาณซื้อขายทั้งหมดในคำสั่งที่เปิดต้องจำกัดอยู่ที่ 10% ของเงินฝากหรือไม่มากไปกว่า 25% ของเงินาก
3.ความจำเป็นต่อการเปลี่ยนคำสั่งแบบรอดำเนินการตามการเคลื่อนไหวของราคา (สำหรับคำสั่งการย้อนตัว) หรือก่อนหน้าราคาของคำสั่งตามปกติ
4.ความจำเป็นในการติดตามการเคลื่อนไหวราคาอย่างน้อย 40-50บิ๊ป